This page was saved using WebZIP 7.0.3.1030 offline browser (Unregistered) on 10/08/06 23:47:31.
Address: http://www.daeng.com/jyguide/novel-chap01.html
Title: หลี่จิน  •  Size: 30373  •  Last Modified: Wed, 30 Nov 2005 06:34:50 GMT
ตอนที่ 1




 

หลี่จิน
ยุทธจักรนิยายออนไลน์
เซียวมีมี่      ประพันธ์
.............



สงพระอาทิตย์ยามเย็นสาดส่อง ทิวเขามากมายสูงเสียดฟ้าจนเห็นเพียงแค่แสงพระอาทิตย์ที่รำไรเต็มทีแล้วเล็ดลอดออกมา ลมหนาวพัดโชยมาจากทางเหนือบ่งบอกว่าฤดูหนาวอันเงียบสงัดใกล้มาเยือนแล้ว เสียงนกแหวกว่ายนภาร้องไปมาเพื่อที่จะอพยพย้ายถิ่นฐาน มีชาวยุทธมากมายยืนอยู่ด้านล่างของเขาหัวซาน พวกเขายืนมองขึ้นไปด้านบนเขา ด้านบนนั้นมีสิ่งที่พวกเขาไม่อาจเข้าใกล้ได้ บัดนี้ความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดขึ้นในยุทธภพใกล้จบสิ้นแล้ว จอมยุทธทั้งสองที่ยืนอยู่บนเขากำลังที่สะสางบุญคุณ ความแค้นที่พวกเขาเคยมีต่อกันทั้งหมด ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหลับตา นึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมามากมาย เมื่อทั้งสองลืมตาขึ้น การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่แห่งยุคได้เกิดขึ้นแล้ว

25 ปีที่แล้ว

"เฟยหลง วันนี้เป็นวันดีที่เราได้มาเจอกัน ข้าขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก" จอมยุทธรูปร่างสูงใหญ่กำยำพูดขึ้นมาพร้อมกับยกไหเหล้าดื่ม

"ถูกต้องแล้วพี่จิงซื่อ วันนี้เรามาดื่มให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้พวกเราต้องลงมือให้ถึงที่สุด" เฟยหลงพูดกับจิงซื่อพร้อมกับยกจอกเหล้าขึ้นมาดื่มให้เกียรติ

จอมยุทธทั้งสองต่างเป็นจอมยุทธที่มีชื่อเสียงในยุทธภพ ฝีมือของพวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่เป็นรองใคร แต่ชาวยุทธก็ต้องเป็นไปตามกฎยุทธภพ ผู้ที่ยิ่งใหญ่ในยุทธภพ

ต้นไผ่ซือไท่ แม่ชีที่สง่างามยิ่งนัก นางนุ่งเหลืองห่มเหลืองแบบพุทธ ใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตาอ่อนโยน นางเป็นเจ้าของวิชาแพทย์ปัญญาอันลือลั่น ฝีมือฝังเข็มของนางสามารถทำให้คนตายกลับมาเป็นคนเป็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ แส้นักพรตของนางเป็นที่เกรงขามยิ่งของยุทธภพ รวดเร็วรุนแรงและยากแก่การรับมือ

จะต้องมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นทุกๆ 25 ปีจะจัดการประลองยุทธขึ้นที่เขาหัวซานซึ่งผู้ที่จะประลองยุทธจะต้องเป็นยอดฝีมือแห่งยุค เพื่อต้อการหาเสาหลักของยุทธภพ การประลองยุทธไม่จำกัดพรรค ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม ดังนั้นจึงมีพรรคมารหลายฝ่ายที่จ้องจะเป็นใหญ่ในยุทธภพ แต่ผู้นำยุทธภพล้วนแล้วแต่เป็นฝ่ายธรรมะทั้งสิ้น

จางเฟยหลง จอมยุทธในชุดนักพรตผู้สง่า เขาเป็นผู้สืบทอดเพลงกระบี่ตัดสรรพสิ่งที่ลือลั่นในยุทธภพเมื่อหลายสิบปีก่อน ฝีมือเขาไม่แพ้อาจารย์ของเขาเลย เพลงกระบี่ตัดสรรพสิ่งจะต้องมีจิตใจที่สงบไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด ทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างไร้ตัวตนมีเพียงกระบี่และผู้ใช้เท่านั้นที่มีตัวตน เมื่อประสานกันเป็นหนึ่งแล้วไม่ว่าสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงย่อมพ่ายแพ้ให้กับเพลงกระบี่นี้ พลังไร้สภาพเป็นพลังลมปราณที่ชาวยุทธทุกคนปรารถนา เป็นพลังภายในที่ทำให้ผู้ใช้เหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ เคลื่อนไหวร่างกายอย่างไร้แรงโน้มถ่วง ปลดปล่อยพลังได้ตามใจนึก ฝีมือไร้เทียมทาน แทบไม่มีผู้ใดในยุทธภพสามารถต่อกรเขาได้


 


หยางจิงซื่อ จอมยุทธรูปร่างกำยำสูงใหญ่ เขาเคยเป็นองค์รักษ์ในวังหลวงรับใช้อ๋องจนเป็นที่โปรดปราณ ฝีมือเยี่ยมยุทธที่สุดในบรรดาองครักษ์วังหลวง แต่ด้วยความอิจฉาริษยาของขุนนางกังฉิน เป่าหูท่านอ๋องใส่ร้ายป้ายสีเขาต่างๆนาๆ จนบ่อยครั้งเข้าทำให้เขาต้องเป็นศัตรูกับราชวัง หนีตายมาร่อนเร่ในยุทธภพ แม้พลังทลายขุนเขาจะมีอานุภาพร้ายแรงไม่เท่าพลังไร้สภาพ แต่ด้วยความเก่งกาจทางเพลงหมัดต่างๆของหยางจิงซื่อทำให้เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีกับจางเฟยหลง

เช้านี้เป็นวันที่ตื่นเต้นที่สุด มีชาวยุทธมากมายยืนดูอยู่เพียงด้านล่างของเขาหัวซานเพราะพวกเขาไม่สามารถขึ้นไปด้านบนได้ ทุกคนต่างรอคอยวันประลองยุทธที่ 25 ปีมีหนึ่งครั้ง ชาวยุทธที่หลงไหลในวรยุทธจะได้ประจักษ์ถึงแก่นแท้ของวรยุทธก็วันนี้

"นี่ก็เช้ามากแล้ว ท่านอาวุโสตั้งยังไม่มาอีก" หยางจิงซื่อพูดถามหายอดฝีมือแห่งยุคอีกท่าน

ผู้อาวุโสตั้ง เป็นยอดฝีมือที่มีอายุมากที่สุด จอมยุทธทุกท่านต่างยอมรับนับถือเขา ทั้งด้านประสบการณ์และวรยุทธของเขาทำให้พรรคมารพากันหวาดหวั่น เขาชิงชังพรรคมารเป็นที่สุด วรยุทธของเขาน้อยคนนักที่จะได้เห็นเพราะคนที่ได้เห็นส่วนใหญ่จะเป็นพวกพรรคมารและสิ้นชีพด้วยวรยุทธของเขา และเขาก็ได้ใช้วิชาตัวเบาอันแผ่วเบารวดเร็วเหาะมาที่เขาหัวซาน จนจางเฟยหลงและหยางจิงซื่อไม่ทันสังเกต

"คาระวะท่านผู้อาวุโสตั้ง" จางเฟยหลงและหยางจิงซื่อทักทายผู้อาวุโสตั้งพร้อมกัน

"เท่านี้ก็ประลองยุทธได้แล้ว ไม่นึกเลยว่าระยะเวลาเพียง 25 ปี จะกำเนิดยอดฝีมือแห่งยุคถึง 2 คน พวกเจ้าเป็นเด็กหนุ่มไฟแรง ที่ข้ามาวันนี้ข้าไม่ต้องการที่จะเอาชนะพวกเจ้า แต่ข้าอยากทดสอบฝีมือของผู้ที่จะเป็นผู้นำยุทธภพคนต่อไป" ผู้อาวุโสตั้งพูดเหมือนจะสละตำแหน่งผู้นำยุทธภพ

"เมื่อ 25 ปีก่อนข้ายังจำได้ดี และวันนี้มันจะหวนคืนกลับมาอีกครั้ง พวกเจ้า 2 คนจงสู้กันให้ถึงที่สุด" ผู้อาวุโสตั้งพูดให้สัญญาณเริ่มประลอง

"มีกันแค่ 3 คนแล้วจะประลองกันได้อย่างไร" เสียงอันทรงพลังจากสตรีนางหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นนางก็เหาะมาด้วยท่าร่างที่รวดเร็วมาก นางตีลังกามายืนอยู่บนยอดหญ้า ช่างสง่างามยิ่งนัก "นึกไม่ถึงว่าซือไท่ก็มาด้วย" ผู้อาวุโสตั้งได้ลืมยอดฝีมือแห่งยุคไปอีกท่านหนึ่ง


 





ต้นไผ่ซือไท่ แม่ชีที่สง่างามยิ่งนัก นางนุ่งเหลืองห่มเหลืองแบบพุทธ ใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตาอ่อนโยน นางเป็นเจ้าของวิชาแพทย์ปัญญาอันลือลั่น ฝีมือฝังเข็มของนางสามารถทำให้คนตายกลับมาเป็นคนเป็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ แส้นักพรตของนางเป็นที่เกรงขามยิ่งของยุทธภพ รวดเร็วรุนแรงและยากแก่การรับมือ เพลงกระบี่บุปผาสวรรค์สวยงามพริ้วไหวราวกับเทพธิดา ท่าเท้ายอดไผ่เทียบเท่าได้กับวิชาตัวเบาของผู้อาวุโสตั้ง จนชาวยุทธต่างยกย่องให้นางเป็นยอดฝีมือแห่งยุคอีกคนหนึ่ง

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า เท่านี้ก็มี 4 คนครบพอดี วันนี้นับเป็นวันดียิ่งที่ยอดฝีมือแห่งยุทธจะได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และทำให้ยุทธภพสงบสุข ข้าพึ่งรู้สึกตื่นเต้นก็วันนี้เป็นวันแรกนะเนี่ย" หยางจิงซื่อพูดจาตรงไปตรงมาตามวิสัยของลูกผู้ชาย ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้อาวุโสตั้งยิ่งนัก

"จะมัวรอช้าอยู่ไย ข้าจะทดสอบฝีมือเจ้าเอง หยางจิงซื่อ" ผู้อาวุโสตั้งรู้สึกเป็นหนุ่มขึ้นอีกครั้งโดยที่เขาไม่รู้ว่าต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเขา

"จิงซื่อประมือกับท่านอาวุโสตั้งแล้ว เจ้าล่ะเฟยหลงจะลงมือได้หรือยัง" ต้นไผ่ซือไท่ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันกับหยางจิงซื่อ นางกำลังเจอคู่ต่อสู้ที่อาจจะไม่ได้เจออีกตลอดชีวิต

จางเฟยหลงเริ่มทำสมาธิรวบรวมอากาศธาตุต่างๆมาผนึกในพลังลมปราณ พลังไร้สภาพเริ่มเลื่อนลอย สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนถูกดูดกลืนไปพร้อมกับเขา พลังไร้สภาพช่างทรงอานุภาพยิ่งนัก ส่วนต้นไผ่ซือไท้กลับรุกด้วยเพลงแส้เถาวัลย์บุปผางาม หากไม่ใช่จางเฟยหลงอาจหลงไหลไปกับเพลงแส้นี้ก็เป็นแน่ เพราะสวยงามยิ่งนักแส้แต่ละเส้นต่างมีการเคลื่อนไหวที่ต่างออกไปราวกับทุ่งบุปผางามยังไงยังงั้น แต่แฝงไปด้วยพลังจู่โจมที่เกรี้ยวกราด รวดเร็วและรุนแรง เพลงแส้ผนึกกับพลังพระโพธิสัตว์ประทับใจยิ่งทรงอานุภาพยิ่งขึ้น แส้เส้นต่างๆจู่โจมรอบทิศทางหมดหนทางหนีรอด

จางเฟยหลงนิ่งสงบเขาใช้ฝ่ามือเมฆาล่องลอยรับมือเพลงแส้ ฝ่ามือเมฆาล่องลอยนั้นเบาและนุ่มนวลมาก แฝงไว้ด้วยพลังไร้สภาพทำให้แส้นักพรตเปลี่ยนวิถี แต่ต้นไผ่ซือไท่ก็รุกต่อด้วยเพลงแส้ที่เกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิมจนจางเฟยหลงรับมือได้ยากขึ้นเรื่อยๆ จนแส้นักพรตสามารถพันที่ข้อมือของจางเฟยหลงได้ พวกเขาจึงต้องต้านกันด้วยพลังภายใน ถึงแม้ว่าต้นไผ่ซือไท่จะมีพลังภายในที่ด้อยกว่า แต่ด้วยวิชาแพทย์ปัญญาของนางทำให้นางปรุงยาฟื้นฟูพลังภายในจนสามารถเทียบเท่ากับจางเฟยหลงได้ ทั้งสองเริ่มเหงื่อตก สุดท้ายต้นไผ่ซือไท่ต้องถอนแส้นักพรตออกจากข้อมือของจางเฟยหลงและเปลี่ยนเป็นดวลเพลงกระบี่แทน

"เฟยหลง เจ้าเป็นคนแรกที่สามารถทำให้ข้าใช้กระบี่ได้...รับมือ" ต้นไผ่ซือไท่พูดขึ้น

"ท่านเองก็เช่นกันที่สามารถทำให้ข้าใช้กระบี่ได้" จางเฟยหลงกล่าวชื่นชมต้นไผ่ซือไท่

ทันทีที่จางเฟยหลงชักกระบี่ออกจากฝัก กลิ่นอายกระบี่รุนแรงมากบ่งบอกถึงอานุภาพของผู้ใช้ ต้นไผ่ซือไท่ตวัดกระบี่ของตนไล่กลิ่นอายกระบี่ที่รุนแรงนี้ ทั้งสองรุกพร้อมกัน จางเฟยหลงเคลื่อนไหวเชื่องช้าแสดงถึงพลังไร้สภาพขั้นเลื่อนลอยต่างกับต้นไผ่ซือไท่ที่เคลื่อนไหวรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน เพลงกระบี่ตัดสรรพสิ่งประทะเพลงกระบี่บุปผาสวรรค์ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง ทั้งคู่ต่อสู้กันจนถึง 108 เพลง สูญเสียพลังภายในไปมากแต่ก็ไม่รู้ผลแพ้ชนะซักที จนต้นไผ่ซือไท่ใช้มือซ้ายถือแส้นักพรตส่วนมือขวาถือกระบี่แล้วใช้เพลงแส้กับเพลงกระบี่สลับกันทำให้จางเฟยหลงรับมือยากยิ่งขึ้น จางเฟยหลงเริ่มทนไม่ไหวจึงระเบิดพลังไร้สภาพขั้นว่างเปล่าซึ่งเป็นพลังขั้นสูงสุด ถ้าหากจางเฟยหลงไม่สามารถเอาชนะต้นไผ่ซือไท่ได้เขาก็จะแพ้ทันที ต้นไผ่ซือไท่ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกันระเบิดพลังพระโพธิสัตว์ประทับใจปะทะกัน ผลจะออกมาเป็นเช่นไร



ทางด้านหยางจิงซื่อและผู้อาวุโสตั้ง ทั้งคู่สู้กันด้วยความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน ผู้อาวุโสตั้งใช้เพลงฝ่ามือประทะกับเพลงหมัดของหยางจิงซื่อ เพลงฝ่ามือของผู้อาวุโสตั้งรุนแรงยิ่งนักส่วนเพลงหมัดของหยางจิงซื่อก็ใช่ย่อย พลังที่รุนแรงปะทะพลังที่รุนแรงไม่มีการอ่อนน้อมเช่นพลังของจางเฟยหลงกับต้นไผ่ซือไท่ หากพลาดพลั้งก็จะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ฝ่ามือของผู้อาวุโสตั้งมีรูปแบบที่หลากหลาย รุกรับสลับกันสมกับเป็นผู้นำยุทธภพ ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาของผู้อาวุโสตั้ง ทำให้หยางจิงซื่อไม่มีโอกาสได้รุกเลยอีกทั้งท่าร่างของผู้อาวุโสตั้งช่างรวดเร็ว เพลงหมัดทุกเพลงของหยางจิงซื่อไม่สามารถทำอันตรายผู้อาวุโสตั้งได้เลย

จางเฟยหลงและต้นไผ่ซือไท่ระเบิดพลังขั้นสุดยอดในเพลงกระบี่เพลงสุดท้าย ในที่สุดจางเฟยหลงก็เป็นฝ่ายชนะ

"เยี่ยมยอดจริงๆ ตั้งแต่ข้าท่องยุทธภพก็มีเพียงท่านนี่แหละที่ทำให้ข้าใช้พลังอย่างสุดกำลัง" ต้นไผ่ซือไท่กล่าวชมจางเฟยหลงอย่างจริงใจ

"กล่าวเกินไปแล้ว เป็นเพราะซือไท่ออมมือให้ข้ามากกว่า" จางเฟยหลงรู้จักถ่อมตน

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่าเป็นถึงจอมยุทธผู้ไร้เทียมทานยังถ่อมตนอีก" ต้นไผ่ซือไท่พอใจกับพูดของจางเฟยหลง "เราไปดูอีกทางดีกว่าว่าจิงซื่อกับผู้อาวุโสตั้งเป็นอย่างไรบ้าง"

จางเฟยหลงกับต้นไผ่ซือไท่มาดูหยางจิงซื่อกับผูอาวุโสตั้งสู้กันอย่างดุเดือด หยางจิงซื่อพยายามรุกด้วยพลังที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทางด้านผู้อาวุโสตั้งก็โต้ตอบด้วยพลังที่รุนแรงเช่นกัน สุดท้าย หยางจิงซื่อรวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่เพลงหมัด 12 วานรเทพพุ่งตรงไปยังผู้อาวุโสตั้งทันที ด้วยอาการที่เหนื่อยล้าของผู้อาวุโสตั้งที่ต่อสู้กันมานานและอายุมากแล้ว จึงเกิดพลาดท่าเสียทีถูกเพลงหมัด 12 วานรเทพเข้าไปเต็มๆโดยไร้พลังป้องกัน หยางจิงซื่อคิดจะถอนหมัดแต่ก็สายไปเสียแล้ว ผู้อาวุโสตั้งถึงกับกระอักเลือด หยางจิงซื่อไม่รู้จะทำเช่นไรได้แต่ยืนนิ่งๆ

จางเฟยหลงกับต้นไผ่ซือไท่รีบทะยานเข้ามาทันที อาการบาดเจ็บภายในของผู้อาวุโสตั้งรุนแรงมาก ต้นไผ่ซือไท่รีบฝังเข็มคลายพลังและเดินพลังลมปราณช่วยผู้อาวุโสตั้งทันที ทุกคนต่างนั่งลงคนละทิศเดินพลังลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บภายในของผู้อาวุโสตั้ง แต่ทั้ง 3 คนต่างก็ใช้พลังภายในไปจนหมดแล้ว พลังลมปราณจึงอ่อนพลัง ผู้อาวุโสตั้งลืมตาพร้อมกับกระอักเลือดขึ้นมาอีกครั้ง บ่งบอกว่ายังไงๆ ผู้อาวุโสตั้งก็ไม่รอดแน่ๆ หยางจิงซื่อถึงกับร้องไห้โขกศีรษะต่อหน้าผู้อาวุโสตั้งหลายครั้ง ร้องไห้ไปโขกศีรษะไปจนเลือดไหลเต็มพื้น ต้นไผ่ซือไท่หลับตาร้องไห้ จางเฟยหลงก็ก้มลงกราบผู้อาวุโสตั้ง






"จิงซื่อ" ผู้อาวุโสตั้งพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

"ผู้อาวุโสตั้งข้า...ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายท่าน" หยางจิงซื่อพูดด้วยน้ำตา

"ข้า........รู้แล้ว" ผู้อาวุโสตั้งไอกระแอม

"ข้าคงเป็นผู้นำยุทธภพไม่ได้แล้ว น้องเฟยหลงคงได้เป็นผู้นำยุทธภพคนต่อไป"

"เจ้าต้องผดุงคุณธรรม ขจัดเหล่ามารร้ายให้สิ้นซาก"

"ข้าจะเชื่อฟังผู้อาวุโสตั้งทุกอย่าง"

"เฟยหลง" น้ำเสียงของผู้อาวุโสตั้งแผ่วลงทุกที "เจ้าต้องเป็นเสาหลักของยุทธภพที่ดี ขจัดเหล่ามารร้ายให้สิ้นซาก ทำให้ยุทธภพสงบสุข"

"ข้าเข้าใจแล้ว" สิ้นเสียงของจางเฟยหลง ผู้อาวุโสก็หลับตาก้มหน้าสนิทไม่พูดอะไรอีกต่อไป

ไม่นึกว่าการประลองยุทธ์ที่เขาหัวซานครั้งนี้จะเกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ การจากไปของผู้อาวุโสตั้งต้องทำให้ยุทธภพไม่สงบสุขแน่ หยางจิงซื่อใช้มือขุดหลุมศพให้ผู้อาวุโสตั้ง เขากราบผู้ อาวุโสตั้งแล้วเหาะไปที่หน้าผาอีกฟากหนึ่ง เขาใช้พลังอันแข็งแกร่งยกแท่งหินชิ้นใหญ่ขึ้นมาตั้งไว้ และใช้วิชาดรรชนีสลักแท่งหินว่าผาสำนึกตน จางเฟยหลงกับต้นไผ่ซือไท่เหาะตามมา

"พี่จิงซื่อ ท่านทำอะไรน่ะ" จางเฟยหลงถามด้วยความสงสัย

"พี่คิดว่าพี่คงจะไม่ลงมาจากเขาหัวซานอีกแล้ว พี่จะอาศัยอยู่บนเขานี้ และบำเพ็ญเพียรภายใต้ผาสำนึกตน" หยางจิงซื่อบอกจุดประสงค์ที่แท้จริง

"แต่ตอนนี้ยุทธภพกำลังวุ่นวาย ขาดผู้อาวุโสตั้งไปคนนึงแล้วพรรคมารยิ่งเหิมเกริม ถ้าขาดพี่จิงซื่อไปอีกคนนึงข้าเกรงว่าเราจะรับมือไม่ไหว"

"แต่ถึงยังไงข้าก็ไม่ลืมความผิดพลาดครั้งนี้ได้หรอกเฟยหลง ข้าไม่กล้าสู้หน้าใครได้อีกแล้วในยุทธภพ"

"แต่ว่า พี่จิงซื่อ..." จางเฟยหลงยังไม่ทันได้พูดจบ ต้นผื่อไท่ก็เข้ามาเตะไหล่จางเฟยหลง นางมองหน้าเฟยหลงแล้วพยักหน้า เฟยหลงรู้ดีว่าถึงแม้จะพูดเช่นไรหยางจิงซื่อก็คงไม่ยอมลงจากเขาหัวซานเป็นแน่ จางเฟยหลงกับต้นไผ่ซือไท่จึงลงจากเขาหัวซานไป

เมื่อลงจากเขาหัวซาน ทั้งคู่ก็ต้องตกใจเพราะด้านล่างของเขาหัวซานเต็มไปด้วยพรรคมาร "ผู้อาวุโสตั้ง กับจอมยุทธหยางไม่ลงมาด้วยหรือ" มารเทวะเอ่ยขึ้น

มารเทวะ ผู้นำพรรคมาร นิสัยทะเยอทะยานจิตใจโหดเหี้ยมอำมะหิตฆ่าคนภายในพริบตาเพียงเพราะไม่สบอารมณ์ เขาเป็นศัตรูกับผู้อาวุโสตั้งมาแต่ช้านาน เป็นเจ้าสำนักตำหนักเซียนเทพ ข่มเหงยุทธภพมาหลายครั้งหลายครา ฝีมือของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ อาวุโสตั้งเลยแต่เขาไม่กล้าขึ้นไปประลองยุทธเพราะเขากลัวถูกรุม เนื่องจากเป็นมารจึงมีความคิดแบบมารซึ่งแท้จริงแล้วจอมยุทธทุกคนต่างประยุทธกันอย่างยุติธรรม แต่นับว่าเขาคิดถูกที่รอกำจัดจอมยุทธแห่งยุคอยู่ด้านล่างเขาหัวซานเพราะขาดซึ่งผู้อาวุโสตั้งกับหยางจิงซื่อ แถมจางเฟยหลงกับต้นไผ่ซือไท่ก็ไม่เหลือพลังที่จะสามารถต่อกรกับจ้าวเสียนได้อีกแล้ว



"ผู้อาวุโสตั้งกำลังดื่มเหล้ากับจอมยุทธหยาง" จางเฟยหลงพูดโกหกมารเทวะได้ไม่เนียบเนียนนัก

"จริงหรือจอมยุทธจาง แล้วเหตุใดท่านจึงได้มีสีหน้าเศร้าหมองเช่นนี้เล่า" มารเทวะจับผิดจางเฟยหลง

"ผู้อาวุโสตั้งกับจอมยุทธหยางต่างเลื่อมใสกันและกันทำไมท่านจึงได้สงสัยนัก" มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา เป็นเสียงของวายุกระซิบนั่นเอง

วายุกระซิบ จอมยุทธฝ่ายธรรมมะท่านนี้ เป็นเจ้าสำนักบู้ตึ้ง เขาเป็นจอมยุทธที่นับถือคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่วรยุทธของเขายังไม่ถือเป็นระดับยอดฝีมือแห่งยุด สุดยอดมวยไทเก๊กของเขาเป็นที่เลื่องชื่อ พลังเอี๊ยงบ่อเก๊กลึกล้ำยิ่งนัก

นอกจากนั้นยังมี หลินจูซวง เจ้าสำนักง่อไบ๊ สมณะจี่ เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ทั้งสามต่างพาเหล่าชาวยุทธฝ่ายธรรมมะมาดูผู้นำยุทธภพคนใหม่ และถือโอกาสกำจัดเหล่ามารร้ายให้สิ้นซาก

"แต่ข้าก็ยังอดสงสัยไม่ได้ ข้าคิดว่าเขาน่าจะขึ้นเขาไปดูผู้อาวุโสตั้งกับจอมยุทธหยางดีกว่า" มารเทวะไม่ยอมเลิกลา

วายุกระซิบ จอมยุทธฝ่ายธรรมมะท่านนี้ เป็นเจ้าสำนักบู้ตึ้ง เขาเป็นจอมยุทธที่นับถือคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่วรยุทธของเขายังไม่ถือเป็นระดับยอดฝีมือแห่งยุด สุดยอดมวยไทเก๊กของเขาเป็นที่เลื่องชื่อ พลังเอี๊ยงบ่อเก๊กลึกล้ำยิ่งนัก

"ช้าก่อน ข้าจางเฟยหลงได้เป็นผู้นำยุทธภพคนใหม่ ข้าขอให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับสำนักของตน พรุ่งนี้ข้ามีเรื่องที่จะปรึกษาทุกท่าน" เพียงจางเฟยหลงพูดคำเดียว จอมยุทธฝ่ายธรรมะต่างเชื่อฟังเขา แต่มารเทวะไม่ฟัง ยืนกรานที่จะขึ้นไปบนเขาให้ได้

"จอมยุทธจาง ในเมื่อไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสตั้งและจอมยุทธหยาง ข้าคิดว่าพวกเราควรขึ้นไปแสดงความยินดีกับท่านทั้งสองนะ" หลินจูซวงพูดขึ้น ทำให้จางเฟยหลงถึงกับอึกอัก

จางเฟยหลงกับต้นไผ่ซือไท่ได้แต่มองหน้ากัน พวกเขาคงปิดบังความจริงไม่ได้ แต่ถ้ามารเทวะรู้ว่าผู้อาวุโสตั้งได้เสียชีวิตแล้ว เขาคงจะคิดแผนชั่วเพื่อเป็นใหญ่ในยุทธภพแน่

"แล้วท่านผู้เฒ่าเสิ่นล่ะ" ต้นไผ่ซือไท่คิดหาวิธีแก้ในทางคับขัน






"ใช่แล้ว จนป่านนี้ทำไมพรรคกระยาจกยังไม่มาอีกนะ" จอมยุทธทุกคนต่างพูดขึ้น เพราะว่าพรรคกระยาจกถือเป็นพรรคใหญ่ งานสำคัญเช่นนี้ไม่น่าพลาดได้

"งั้นเราควรรอท่านผู้เฒ่าเสิ่นก่อน แล้วจึงขึ้นเขาไปพร้อมกัน" จางเฟยหลงพูดขึ้นแต่ก็คงยื้อเวลาได้ไม่อีกนาน เขาจึงเล่าความจริงทั้งหมดให้เจ้าสำนักใหญ่ฟังโดยทีไม่ให้มารเทวะล่วงรู้

เจ้าสำนักใหญ่หลายท่านได้รู้ความจริงทั้งหมดก็ต่างพากันเศร้าโศกเสียใจแต่ก็ต้องปิดบังความจริงเอาไว้ไม่ให้มารเทวะได้ล่วงรู้ ทุกคนต่างเตรียมรับมือกับมารเทวะเต็มที่ในครั้งนี้ แต่จะมีซักกี่คนที่สามารถรับมือกับมารเทวะได้ จางเฟยหลงกับต้นไผ่ซือไท่เองก็ใช้พลังวัตรไปจนหมดแล้วจากการประลอง วายุกระซิบถึงแม้มีฝีมือร้ายกาจก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมารเทวะอยู่ดี

"พรรคกระจกคงจะไม่มาแล้วล่ะมั้ง" มารเทวะพูดขึ้น

"ทำไมท่านพูดเช่นนั้นเล่า เหมือนกับท่านรู้ว่าวันนี้พรรคกระยาจกจะไม่มา" วายุกระซิบเอ่ยเพื่อจับผิดมารเทวะ แต่มารเทวะกลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆทั้งสิ้น

"ข้าก็แค่คิดว่า พรรคกระยาจกอาจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการประลองยุทธก็เป็นได้" มารเทวะพูดแก้ต่าง

"แต่ข้าคิดว่าอาจเกิดเรื่องขึ้นกับพรรคกระยาจกก็เป็นได้" จางเฟยหลงพูดสมทบวายุกระซิบ

"ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า พรรคกระยาจกล้วนเต็มไปด้วยยอดฝีมือ จะมีใครหน้าไหนกล้ามารุกราน" มารเทวะหัวเราะได้น่ารังเกียจยิ่งนัก

"มันก็ไม่แน่นะ ถ้าเป็นตำหนักเซียนเทพ" ต้นไผ่ซือไท่พูดขึ้น ทำให้มารเทวะถึงกับอึ้งไปซักพักใหญ่


ที่ พรรคกระยาจก ก่อนการประลองยุทธบนเขาหัวซานจะเริ่มขึ้น

"ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาประลองยุทธแล้ว พวกเราเหล่ายาจกควรจะไปชมเพื่อให้ประจักษ์ถึงแก่นแท้ของวรยุทธ" ผู้เฒ่าเสิ่นพูดขึ้น ซึ่งเขาเป็นประมุขพรรคกระยาจก

"แย่แล้วท่านประมุข พวกตำหนักเซียนเทพบุกมาถึงพรรคเรา" ยาจกคนหนึ่งวิ่งเข้ามาท่าทางบาดเจ็บ

"เกิดอะไรขึ้น" เหล่าผู้คุมกฎต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน

"พวก...พวกตำหนักเซียนมาบุกพรรคเรา" คำพูดของยาจกคนนั้นแม้จะดูเนียบเนียนแต่ตบตาผู้เฒ่าเสิ่นไม่ได้ ส่วนเหล่ายาจกต่างแตกตื่นและพร้อมที่จะต่อกรกับพวกพรรคมาร

"ไม่นึกเลยว่าเจ้ามารเทวะจะฉลาดถึงเพียงนี้ คิดจะกำจัดพรรคกระยาจกก่อนมันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก" ผู้เฒ่าเสิ่นมองหน้ายาจกคนนั้นพร้อมกับใช้ไม้ตีสุนัขพุ่งตรงไปยังเขา

"ตั้งค่ายกลเร็ว" ผู้คุมกฎทั้งหลายพูดขึ้น ไม่นานนักค่ายกลตีสุนัขก็เป็นรูปร่าง ยากที่จะมีใครหลุดรอดไปได้ วรยุทธพรรคกระยาจกช่างล้ำลึกยิ่งนัก เพียงแต่ผู้เฒ่าเสิ่นไม่คิดชิงดีชิงเด่นกับใครและเขาก็เปิดทางให้กับต้นไผ่ซือไท่ขึ้นไปประลองยุทธเพราะเขาเป็นหนี้บุญคุณต้นไผ่ซือไท่

"สมแล้วกับที่เป็นผู้เฒ่าเสิ่น ข้าไม่อาจตบตาท่านได้จริงๆ" ยาจกปริศนาพูดขึ้น


 


"ปลอมตัวเก่งอย่างนี้คงจะเป็นหัวหน้าตำหนักหยกขาวสินะ" ผู้เฒ่าเสิ่นเดาฐานะของฝ่ายตรงข้าม

"พูดอีกก็ถูกอีก แต่เจ้าไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้หรอก" อีกฝ่ายพูดอย่างมั่นใจ ซักพักก็มีหัวหน้าอีก 5 คนพุ่งลงมาจากหลังคาอารามร้างซึ่งใช้เป็นที่ตั้งพรรคกระยาจก

"มากันแค่ 6 คนเห็นทีค่ายกลตีสุนัขอาจจะไม่ได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่" ผู้เฒ่าเสิ่นพูดใช้หลักจิตวิทยาบั่นทอนความมั่นใจของฝ่ายตรงข้าม

"ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าค่ายกลตีสุนัขมันจะร้ายกาจแค่ชื่อรึเปล่า" เหล่าหัวหน้าตำหนักเซียนเทพพูดขึ้น

ค่ายกลตีสุนัขเริ่มมีการเคลื่อนไหว แต่ละคนต่างใช้กระบวนท่าตีสุนัขที่หลากหลาย แบ่งเป็น 4 ทิศต้อน 4 ทิศ ตีปิดล้อมคู่ต่อสู้ไร้ซึ่งทางหนี กระบวนท่าตีสุนัขล้วนสามารถบังคับคู่ต่อสู้ให้เคลื่อนไหวไปตามที่ค่ายกลต้องการ

"ร้ายกาจยิ่งนัก" หัวหน้าตำหนักหยกขาวพูดขึ้น

"ทลายค่าย" เหล่าหัวหน้าพูดพร้อมกัน

พวกเขาใช้ฝ่ามือที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งมีความรุนแรงแต่อานุภาพแตกต่างกัน มีทั้งดุดัน แข็งแกร่ง พลังวัตรของพวกเขาร้ายกาจแต่ก็ยังไม่สามารถทลายค่ายได้ พวกเขาจึงเริ่มใช้พิษ หันหลังชนกันแล้วจึงปล่อยวิชาฝ่ามือพิษพร้อมกัน เหล่าผู้เฒ่าจึงหลบพิษแต่ค่ายกลก็ยังไม่แตกอยู่ดี แถมยังถูกต้อนเรื่อยๆ จนได้รับบาดเจ็บ "วันนี้ฆ่าจะกำจัดพวกมารให้สิ้น" ผู้เฒ่าเสิ่นพูดราวกับเขากำลังจะชนะ

แต่ดูเหมือนไม่เป็นอย่างนั้น มีอาวุธลับพุ่งมาจากทิศทางใดไม่ทราบแต่เร็วมาก ผู้เฒ่าเสิ่นหลบทันแต่กลับโดนผู้คุมกฏคนหนึ่งเข้า ซึ่งอาวุธลับนี้มีพิษและพิษนี้รุนแรงมาก ถึงแม้ว่าผู้คุมกฏจะเดินลมปราณแต่ก็รู้สึกปั่นป่วน ผู้เฒ่าเสิ่นจึงช่วยขับพิษอีกแรงแต่พิษนั้นกลับแพร่มายังผู้เฒ่าเสิ่นเสียเอง เหล่าผู้คุมกฎที่เหลือต่างสูญเสียสมาธิ ค่ายจึงเผยจุดอ่อนให้เห็นเด่นชัด ผู้คุมกฏที่ถูกพิษรู้ว่าพิษกำลังแพร่ไปยังผู้เฒ่าเสิ่นเขาจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายทันที ผู้เฒ่าเสิ่นถึงกับน้ำตาคลอและบ้าคลั่ง ใช้ 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรออกมาได้อย่างร้ายกาจและทรงอานุภาพ เมื่อฝ่ามือนี้พุ่งออกมาหัวหน้าตำหนักพยัคฆ์ก็สิ้นใจทันที

"นี่น่ะเหรอ 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรช่างร้ายกาจยิ่งนัก" เจ้าของอาวุธลับปรากฎตัวขึ้น เขาเป็นหัวหน้าตำหนักจิ้งจอก และพิษนั่นก็เป็นพิษร้ายแรงที่สุดและปรุงยากที่สุดมีเพียงขวดเดียวในยุทธภพ

ผู้เฒ่าเสิ่นยิ่งระเบิดพลังยิ่งทำให้พิษซึมเข้าสู่ร่างกายไวขึ้น ไม่นานนักผู้เฒ่าเสิ่นก็เริ่มรู้สึกติดขัดและไม่สามรถใช้ 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรต่อได้อีก พวกหัวหน้าจึงเป็นฝ่ายรุก มีหัวหน้าตำหนักจิ้งจอกมาช่วยอีกแรงจึงสามารถสู้กับเหล่าผู้คุมได้ง่ายขึ้น ผู้เฒ่าเสิ่นปรับลมปราณแต่ก็ไม่เป็นผล ในโลกนี้คงจะมีเพียงคนเดียวที่สามารถขับพิษให้เขาได้ นั่นก็คือต้นไผ่ซือไท่นั่นเอง แต่เขาจะทิ้งเหล่าผู้คุมกฏได้อย่างไรล่ะ และเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแหล่งรวมพลของพรรคกระยาจก
..............................................

 
 
 
Best view in IE6      Copyright :©2004 www.jyguide.com , All right reserved
Contact: webmaster@jyguide.com , jyguide@yahoo.com
ข้อมูลเกมส์มังกรหยกออนไลน์: 100 % Un-official
CSS dedicated site
ขอขอบคุณข้อมูลจากจอมยุทธทุกท่าน